ชมเกมทุกสนาม สร้างแรงบันดาลใจแข้งไทยทุกระดับ

แม้จะเปิดหัวในการอุ่นเครื่องกับ ทีมชาติญี่ปุ่น ในการฉลองปีใหม่ วันที่ 1 ม.ค. ไม่สวยงาม เมื่อบุกแพ้ 0-5 แต่การทำงานหลังจากนั้นของอดีตกุนซือที่เคยพาคาชิม่า แอนท์เลอร์ส คว้าแชมป์ลูวาน คัพ 2015, แชมป์เจ ลีก 2016, แชมป์เอ็มเพอเรอร์ส คัพ 2016, แชมป์ซูเปอร์คัพ 2017 และเคยพาทีมคว้ารองแชมป์สโมสรโลกมาแล้วในปี 2016 ได้รับการยกย่องอย่างมาก

โดยเฉพาะการที่เขาตระเวนไปแทบจะทุกสนามในเมืองไทย เพื่อดูฟอร์มของนักเตะสำหรับใช้งานในยุคของเขา จากนั้นเมื่อ “มาดามแป้ง” ก้าวขึ้นมาเป็นประมุขฟุตบอลไทยคนที่ 18 ในประวัติศาสตร์ พร้อมกับประกาศการต่อสัญญาออกไปอีก 2 ปีครึ่ง

เนื่องมาจากผลงานใน เอเชียน คัพ 2023 ที่ทีมชาติไทย ที่หยุดเส้นทางในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ด้วยการพ่ายกับ อุซเบกิสถาน 1-2 ถือเป็นการเข้ารอบน็อคเอาท์รายการชิงแชมป์เอเชีย 2 สมัย มีสถิติชนะ 1 เสมอ 2 และ แพ้ 1 นัด ได้คะแนนฟีฟ่า เพิ่ม 29.97 คะแนน 

ทำให้คะแนนจากเดิม 1176.75 เพิ่มเป็น 1206.72 คะแนน ส่งผลให้ทัพ “ช้างศึก” ที่ก่อนทัวร์นาเมนต์ อยู่อันดับ 113 ของโลก ขยับขึ้นมา 12 อันดับ ขยับมาอยู่อันดับ 101 ของโลก และอันดับ 17 เอเชีย ถือเป็นอันดับฟีฟ่าที่ดีที่สุดในรอบ 13 ปี 11 เดือน พร้อมกับแซงขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 อาเซียน ในรอบ 7 ปี แทนที่  เวียดนาม เจ้าของเบอร์ 1 เดิม

การขยายสัญญาครั้งนั้นเป็นไปตามกระแสเรียกร้องของแฟนบอล เพราะผลงานที่แจ่มจรัส บวกกับความขยันของเจ้าของรางวัลผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของเจลีก ในปี 2017 ที่เดินทางไปทั่วทุกสารทิศของเมืองไทย (เว้นแตภาคใต้เท่านั้น) ทำให้ทุกคนเห็นถึงความตั้งใจของเขา

ไม่ว่าจะเป็นที่ ม.รามคำแหง, เฉลิมพระเกียรติบางมด, ชลบุรี สเตเดี้ยม, สามอ่าว สเตเดี้ยม, สิงห์ สเตเดี้ยม, อบจ.ขอนแก่น, แม่กวง สเตเดี้ยม, เฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จ.นครราชสีมา, เขาพลอง สเตเดี้ยม, ดราก้อน โซลาร์ ปาร์ค, โรงเรียนกีฬาเทศบาลนครนครปฐม, ทุ่งทะเลหลวง, ธันเดอร์โดม สเตเดี้ยม, ลาดกระบัง 54, ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต 

และล่าสุด บีจี สเตเดี้ยม กับถ้วย บีจีซี เมืองไทยประกันภัย คัพ 2023/24 รอบชิงชนะเลิศ เพื่อช่วยปลุกกระแส ความตื่นตัว และ ความคึกคัก ให้กับฟุตบอลรากหญ้า

เหตุเพราะเขาต้องการเห็นผู้เล่นให้มากที่สุด มากกว่าที่จะนั่งดูในจอโทรทัศน์ ไม่ว่าจะเป็นทีมเล็กหรือใหญ่ หรือเล่นในลีกระดับใด

หรืออย่างทีมชาติอังกฤษ ผ่านมาถึงขณะนี้ก็กินเวลาเกือบ 7 ปีแล้วที่ แกเร็ธ เซาธ์เกต ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการทีม และเดินทางไปดูเกมต่างๆ ทั่วแดนผู้ดี จนมีนักเตะเกินกว่า 50 ชีวิตที่ติดธงเป็นครั้งแรก หรือบางคนที่ฟอร์มไม่ดีกับสโมสร ทว่าผลงานในทัพ “ทรี ไลอ้อนส์” กลับผงาดง้ำ

ซึ่งทุกครั้งที่ อิชิอิ ไปสนามใด ก็มักจะมีการพูดคุยกับประธานสโมสรเจ้าบ้าน หากโชคดีบอสใหญ่ของทีมเยือนมา ก็จะได้มีการคุยเหมือนกัน โดยหลักๆ ที่เขาบอกเอาไว้ก็เป็นเรื่องของแนวทางการเล่น ที่อยากจะให้เหมือนกับใน เจลีก อาทิ เมื่อโดนฝั่งตรงข้ามเตะ ก็ควรรีบลุกเพื่อเล่นต่อทันที

หรืออย่าไปสนใจการทำหน้าที่ของผู้ตัดสิน อยากจะให้บอกนักเตะทุกคนว่า ต้องมีสมาธิอยู่กับเกมเท่านั้น เพื่อเดินเครื่องลุยไปข้างหน้า หากทุกอย่างทำได้ เวลาเข้ามาในแคมป์ทีมชาติไทยเพื่อรอเล่นเกมต่างๆ ทัศนคติของผู้เล่นเวลาลงสนามจะเปลี่ยนไปในทางบวกอย่างแน่นอน

กระทั่งเมื่อวันศุกร์ที่ 8 มี.ค.ที่ผ่านมา การประกาศรายชื่อนักเตะทีมชาติไทย ชุดสองนัด ฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก ที่จะพบกับ เกาหลีใต้ (เยือน-21 มี.ค., เหย้า-27 มี.ค.) กุนซือชาวญี่ปุ่นก็จัดการบรรจุชื่อ บุญยเกียรติ วงศ์ษาแจ่ม นายด่านหน้าหล่อจาก อุทัยธานี เอฟซี เข้ามาอยู่ในทีมครั้งแรก 

นอกจากนี้ยังมี ชนาธิป สรงกระสินธ์ ที่คัมแบ็คกลับมาในทีมรอบ 9 เดือนเต็ม หลังดาวเตะ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ลงเล่นให้ทีมชาติไทย ครั้งสุดท้าย ในฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซเอเชีย รอบสอง เกมแรก เปิดบ้านแพ้ จีน ไป 1-2 เมื่อวันที่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมา

ไม่เพียงเท่านั้นยังมี ปกเกล้า อนันต์ ห้องเครื่อง “บ็อกซ์ ทู บ็อกซ์” ของ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ที่เป็นส่วนหนึ่งในการพา “แข้งเทพ” ลุ้นแชม์ไทยลีก 2023/24 เต็มตัวในตอนนี้ ก็กลับมาอยู่ในกองกำลังสำคัญของ “ช้างศึก” ที่จะเจอกับ เกาหลีใต้ ในสองเกมนี้อีกด้วย

อีกทั้งก็น่าสนใจกับการที่เขาไปดูไทยลีก 2 เพื่อหาดาวเตะให้กับทีมชาติไทย ยู 23 รอสองรายการใหญ่อย่าง WAFF และ ชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ที่จะหวดกันในเดือน เม.ย.นี้ กับเป้าหมายตั๋วโอลิมปิก 2024 ที่ประเทศฝรั่งเศส จะได้เพชรเม็ดไหนกลับมาให้ทีมได้พิจารณา และเตรียมผลักดันขึ้นสู่ทีมชาติชุดใหญ่ต่อไป 

นี่แหละคือการทำงานแบบมืออาชีพ ที่ไม่ยอมปล่อยให้วันเวลาผ่านไปอย่างไร้ค่า นอกจากนั้นยังช่วยสร้างความฮึกเหิมและแรงบันดาลใจให้เหล่านักเตะทุกคนที่ได้ลงสนามเพื่อโชว์ฟอร์มให้เต็มที่ต่อหน้าเฮดโค้ชทีมชาติไทยอีกด้วย